Case Study 1
การที่สไปรท์มีการสื่อสารแบบ Globalization และมีพรีเซ็นเตอร์ส่วนใหญ๋เป็นชาวยุโรป
จึงอาจจะทำให้วัยรุ่นฝั่งเอเชียรู้สึกน้อยอกน้อยใจ สไปรท์จึงมีการผนึกพลังความซ่าของ
2 ซูเปอร์สตาร์จาก
2 วงการ เจย์ โจว และ โคบี้ ไบรอัน โปรเจ็คพิเศษที่นำ เจย์
โจว ซูเปอร์สตาร์วงการบันเทิงและ โคบี้ ไบรอัน ซูเปอร์สตาร์ NBA มาร่วมร้องเพลง Spark ซาวด์แทร็กหนังโฆษณา
"สไปรท์" คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมากสำหรับเจย์ โจว
ศิลปินมากความสามารถชาวไต้หวัน ที่โดดเด่นทั้งการร้อง แต่งเพลง เล่นดนตรี การแสดง
การกำกับ
และผลงานการแสดงล่าสุดของเจย์ก็ส่งให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการรับบทนำในภาพยนตร์อันดับ
1 Box Office อย่าง The Green Hornet ซึ่งถือว่าเป็นการผนึกกำลังที่เข้มแข็งและน่าสนใจมากเลยทีเดียว
Case study 2
เราได้ชมโฆษณาที่เป็นแนวสตรีทกันมาพอสมควรแล้ว
เราลองหันมาดูโฆษณาที่ฉายกันในยุโรปแล้วมาโดนแบนในหลายๆประเทศของเอเชียกัน
เราลองมาดูแล้ววิเคราะห์กันดีกว่าว่าโฆณษาสไปรท์แบบนี้เป็นอย่างไรบ้าง
โฆษณาตัวนี้เป็นแนว Sex Appeal ซึ่งถ้าฉายในฝั่งยุโรปก็ดูน่าจะไม่มีปัญหาอะไรมากเพราะฝั่งยุโรปส่วนมากจะเป็นประเทศที่ค่อนข้างจะ
Free sex การโฆษณาแบบนี้ก็อาจจะดึงดูดวัยรุ่นได้
เมื่อคนฝั่งยุโรปดูอาจจะเป็นเรื่องขำขัน แต่พอเข้ามาในเอเชียซึ่งยังมีหลายประเทศที่มองเรื่อง
Sex เป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาเผยแพร่ทางสาธารณะซึ่งจริงๆแล้วเราลองมาวิเคราะห์ดูการที่สไปรท์ออกโฆษณาแบบนี้มาก็ไม่ได้มีความผิดอะไรแต่แค่ควรจะศึกษาคนในประเทศนั้นๆก่อนว่าคนในพื้นี่นั้นๆมีวัฒนธรรมอย่างไร
แล้วก็ใช้โฆษณาให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศเท่านี่ก็น่าจะไม่มีปัญหา
วัยรุ่นทั่วโลกก็คงจะสนุกสดชื่นกับสไปรท์ได้เต็มที่เหมือนๆแล้ว
Case Study 3
เคสนี้เป็นแคมเปญของสไปรท์ในประเทศบราซิลที่เค้าได้แปลงเครื่องกดน้ำอัดลมให้กลายเป็นเครื่องอาบน้ำเย็นขนาดใหญ่
เป็นการ Refreshing ผู้คนที่อยู่ท่ามกลางหาดทรายอันร้อนระอุ
ทำให้ชาวบราซิลได้รู้สึกสดชื่นเหมือนสโลแกนของสไปรท์
เครื่องอาบน้ำเย็นนี้ถือว่ามีความสร้างสรรค์และตอบโจทย์เรื่องความสดชื่นได้ดีมาก
แคมเปญนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากเพราะ สามารถทำให้ผู้คนเกิดประสบการณ์กับแบรนด์และยังทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้อย่างดี
ถือว่าเป็นการตลาดที่ไอเดียบรรเจิดสุดๆเลยทีเดียว